2 ต.ค. 2557
อานิสงค์การทำบุญ กับการทำงานในชีวิต
อานิสงค์การทำบุญ กับการทำงานในชีวิต
เป็นข้อมูลที่เอมาจาก pantip.com เก็บไว้อ่านเพื่อเตือนสติตัวเอง
http://pantip.com/topic/32637587
ตอนนี้ผมอายุ 47 ปี มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านบาท มาตั้งแต่ต้นปี 56
เริ่มมากขึ้นถึงเฉลี่ยวันละ 2-3 แสนบาท ตอนก่อน คสช. พอมี คสช. ลดลงก็ยังได้เฉลี่ยวันละ 1 แสนบาท
มีสมบัติคิดว่าเยอะพอสมควร
ถามว่า ผมได้ทำอะไรกับชีวิตบ้าง... ขอเล่าสู่ฟังนะครับ
ตอนผมยังเล็ก เคยบวชสามเณร อยู่กับพระอาจารย์ ท่านสอนหลายอย่าง
มีสิ่งหนึ่งที่ท่านบอก คือ "อยากรวยต้องให้ทาน"
ต้องให้ทานยังไง.. ท่านสอนแบบนี้
ถ้าไม่มีครุกรรม คือกรรมหนักอื่น มาให้ผล
อาจิณกรรม หรือพหุลกรรม กรรมที่ทำเป็นประจำจะให้ผล
เคล็ดอยู่ตรงนี้ พหุลกรรม ทำให้ประจำ ให้ติดเป็นนิสัย
- ท่านสอนให้ใส่บาตรทุกวัน
ถ้าเลือกพระได้ก็เลือกพระปฏิบัติ ถ้าเลือกไม่ได้ ก็อย่าติดในพระ อย่าอาลัยในทาน
ถ้าใส่ไม่ได้ ให้อธิษฐานจิต ถวายเป็นสังฆทานไว้หน้าพระ
พอถึวันว่าง วันพระ วันอาทิตย์ ก็นำเงินนั้นไปทำบุญต่อ
ผมก็จำไว้ ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง ตอนยังจน อธิษฐานไว้หน้าพระ วันละ 5 บาท 10 บาท
พยายามทำ ทำมาเรื่อย..
และคำสอนเพิ่มเติมอีก คือ
- มีความเชื่อใน 4 อย่างคือ
1.วิริยะฤทธิ์ เชื่อในผลแห่งความพากเพียร ขยันในการงานที่ทำ
2.บุญฤทธิ์ เชื่อในผลแแห่งบุญ ให้ทำบุญ
3.เทวฤทธิ์ เชื่อในอำนาจของเทวดาผู้มีฤทธิ์ ให้อุทิศให้เทวดา เจ้าที่ เจ้าทางที่ช่วยเราสำเร็จ
4.อิทธิฤทธิ์ เชื่อในอำนาจขอผู้มีพลังทางจิต ให้เคารพบูชาสิ่งที่ดีๆ บุคคลดีๆ
ในช่วงหนุ่ม ๆ ผมก็พากเพียรมั่ง เกเรมั่ง ทำดีมั่ง ทำชั่วมั่ง ลืมคำสอนไปนาน ชีวิตสำเร็จในระดับพื้น ๆ
รายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน อาจจะเป็นผลกรรมชั่วยังให้ผลมากอยู่ หรือผลกรรมดียังไม่ให้ผล
พออายุมาก เริ่มคิดถึงคำสอนครูบาอาจารย์มากขึ้น
เอาละ.. เริ่มมีความพากเพียร เริ่มทำบุญ เริ่มอุทิศให้เทวดาที่ช่วยเหลือเรา เริ่มบูชาครูบาอาจารย์ สิ่งที่เป็นมงคล
พอเริ่มต่อเนื่อง..ไม่นานเท่าไร...สิ่งดีๆ ก็เริ่มเดินเข้ามาในชีวิต
ทำมาค้าขาย สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ได้มากกว่าคาดหวังเยอะ..
พระอาจารย์ท่านเคยบอกว่า
คนขยัน อาจสำเร็จระดับหนึ่ง เราต้องใช้ความเพียรคือวิริยะมาก
คนขยันด้วย ทำดีด้วย ก็สำเร็จขึ้นมาอีก
คนขยันด้วย ดีด้วย นายรักด้วย ก็ยิ่งสำเร็จขึ้นมาอีก (เทวดารักก็เหมือนเด็กเส้น)
คนทำอาจได้ 100 แต่ถ้าให้เทวดาท่าน ช่วย อาจได้ 500
เราก็ยิ่งทำบุญอุทิศให้เทวดาที่ช่วยเราให้ประสบความสำเร็จ
การงานก็ยิ่งสำเร็จยิ่งขึ้น
แต่ละวันจะมีแต่ข่าวดี ขายของได้ดีทุกวัน เงินเข้ามาทุกวัน ดีขึ้นเรื่อยๆ
ผมยิ่งมีกำลังใจทำบุญ
จะตื่นแต่เช้าทุกวัน ทำกับข้าว หุงข้าวเอง เพื่อเตรียมไปวัด มีความสุขมากครับ
ตอนนี้ดีใจที่
1.ได้ให้ทานทุกวันเฉลี่ยวันละ ประมาณ 500 - 1500 บาท
2.ได้บริจาคเงินทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 150,000 - 350,000. - บาท
คิกว่า ถ้ารายได้เฉลี่ยถึงวันละ 1 ล้าน จะได้บริจาคเดือนละ 1 ล้านบาท
สาธุ..อัศจรรย์ในคำสอนพระพุทธศาสนา
สาธุ..อัศจรรย์ในฤทธิ์ทั้ง 4 ที่ครูบาอาจารย์สอน
==============================
เหตุผลที่ต้องทำบุญทุกวัน พระอาจารย์ท่านสอนไว้ น่าฟังมากครับ
กุศลจิต จะมีพลังมาก ถ้าเกิดขึ้นแล้ว เหมือนเราจุดไฟในที่มืด
ถ้าเราให้มันเกิดได้ทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ ขณะ จะยิ่งมีกำลัง
- มันจะสกัดกั้นเบียดบังอกุศลวิบากให้ทำงานลำบาก ไม่ให้สนองผลเต็มที่
จากหนัก จะเป็นเบา จากเบา อาจจะหายไป
- มันจะช่วยดึงวิบากที่เป็นกุศล ธรรมะที่มีลักษณะเดียวกัน ให้มาให้ผลมากขึ้น
เหมือนน้ำกับน้ำมันเมื่อเทรวมกัน น้ำมัน ก็จะดึงน้ำมันมารวมกัน
เวลาเราหุงข้าว ทำกับข้าว ให้ทำด้วยจิตที่ยินดีมีปีติ ทุกขณะจะถูกผลักไปด้วยกุศลจิต
กุศลจิตเกิดขึ้นนาน ก็จะมีผลดีกับเราครับ
==============================
- อยากรวย ต้องขยันทำงาน คือหลักที่ถูกต้องครับ ขยันตามหลักอิทธิบาท 4
ผมเชื่ออย่างนี้
ถ้าเราขยันด้วย เป็นคนดีด้วย (น่าจะประมาณว่า วิชชาจรณสัมปันโน) จะสำเร็จขึ้นอีกมาก
ผมเป็นคนที่เชื่อในเรื่องผลบุญ ผลบาป
จิตที่เป็นกุศล จะดึงสิ่งดี ๆ มาให้ จิตที่เป็นอกุศล จะดึงผลที่ไม่ดีมาให้
เห็นได้ชัด คือ...
ถ้าเราจิตเศร้าหมองเพราะบาปบ่อย ๆ ความรู้สึกอย่างอื่นจะตามมา
คือ ท้อแท้ ท้อถอย หดหู่ ฟุ้งซ่านไม่กระตือรือล้น เฉื่อยชา คิดไม่ดี สมองเฉื่อย
เกิดราคะ เกิดโทษะง่าย หงุดหงิดง่าย การทำงานก็ขาดประสิทธิภาพ
ถ้าจิตเราได้ทำดี
ก็จะรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่องใส มีความสุข เบาตัว คล่องตัว
คิดอะไรก็ออก ยิ้มง่าย เห็นอะไรก็มีความสุข
คิดงานก็คล่อง เหมือนมันจะลื่น คนใกล้ตัวก็รู้สึกสบายครับ
ผมจึงเชื่อว่า
ขยันตามหลักอิทธิบาท ก็สำเร็จระดับหนึ่ง
ขยันแล้ว ทำบุญกุศลด้วย ก็สำเร็จระดับหนึ่ง
ขยันด้วย ทำบุญด้วย อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่คอยขัดขวางเรา
และให้กับเทวดาที่ช่วยเหลือเรา ก็สำเร็จอีกระดับหนึ่ง
ผมได้ทดลองกับตัวเองมาแบบนี้ครับ
- ส่วนท่านที่ว่า ถวายเงินพระเป็นนิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ก็ถูก
แต่อย่าไปจับผิดพระท่านเลย บาปกรรมเราเปล่า ๆ
ผมเห็นพระท่านที่จับเงิน ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ใช้เงินเป็นทาสก็มาก
พระที่ไม่จับเงิน แต่มีคนเก็บให้ก็มี เรื่องของท่าน..
ผมถวายวัด ไม่ได้ถวายพระ มุ่งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
การจัดคอร์สกรรมฐาน สนับสนุนให้คนคิดดี ทำดี เชื่อในกฏแห่งกรรม น่าจะเป็นผลดี
เรื่องก่อสร้าง ผมเองก็ไม่เน้นเท่าไร ถวายน้อย
แต่การทำบุญผมก็ทำหลาย ๆ ทาง ตั้งโรงทานก็ทำบ่อย ทุนการศึกษา เอาคนพิการมาเลี้ยงก็มี
เคยปรึกษากับแม่บ้านว่า (อันนี้ฝันกันนะครับ ยังไม่ได้ทำ แต่อยากทำมาก..)
"ต่อไป เราอาจจะต้องทำโรงทานใหญ่ ๆ ทำอาหารดีๆ ให้คนมากินฟรี ทุก ๆ วัน"
รอให้ทรัพย์สินเรามากขึ้นกว่านี้ก่อน
ลองทำดูครับ คำว่า "รู้ได้ด้วยตัวเอง" เราจะเข้าใจมากขึ้น
อ้างอิง : http://pantip.com/topic/32637587
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น